
แชร์ประสบการณ์เรียนทำน้ำหอมกลิ่นเฉพาะตัวในแบบที่เป็นเรา กับเวิร์คชอปสนุก ๆ ที่ True Space สยาม ซอย 3 ฉลอง Pride Month มาลองดูว่ากว่าที่เราจะได้กลิ่นน้ำหอมที่ใช่ ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง งานนี้นอกจากได้ความรู้แน่นๆ แล้วยังได้น้ำหอมกลิ่นที่ใช่สไตล์เรากลับบ้านด้วย

เพื่อนๆ มีน้ำหอมกลิ่นโปรดที่ใช้ประจำกันมั้ยคะ? “น้ำหอม” เป็นสิ่งหนึ่งที่นอกจากจะสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวให้กับเราแล้ว ยังสะท้อนคาแรกเตอร์ความเป็นตัวตนของเราให้คนรอบข้างรู้ด้วยค่ะ อย่างเราเองส่วนตัวจะชอบน้ำหอมที่มีกลิ่นแนวซิตรัส สดชื่นๆ มีความละมุนของกลิ่นดอกไม้ ซึ่งกลิ่นแนวนี้ในท้องตลาดก็มีหลายแบรนด์เลยที่เราเลือกใช้ แต่เคยคิดนะคะว่าถ้าเราสามารถสร้างกลิ่นน้ำหอมที่เป็น “ตัวเอง” แบบเฉพาะเจาะจง ไม่ซ้ำใครขึ้นมาเองล่ะจะเป็นยังไง? นี่คือสิ่งที่เราได้ไปลองมาในเวิร์คชอป Personal Perfume สร้างกลิ่นในแบบของตัวเอง ที่จัดขึ้นที่ True Space สยามสแควร์ ซอย 3 ที่เค้าจัดกิจกรรมพิเศษฉลอง Pride Month
โดยเวิร์คชอปนี้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญน้ำหอมจาก Be My Craft มาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำน้ำหอมในเบื้องต้น โดยเริ่มตั้งแต่การแนะนำองค์ประกอบของน้ำหอมว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง พร้อมอธิบายความหมายของแต่ละชั้นกลิ่นแบบเข้าใจง่าย ๆ ซึ่งช่วยทำให้คนที่แม้ไม่มีความรู้พื้นฐานด้านน้ำหอมมาก่อนแบบเรา ก็เราเข้าใจโครงสร้างของกลิ่นน้ำหอมได้ว่าทำไมถึงมีความซับซ้อนและมีหลายเลเยอร์
โดยเลเยอร์ของกลิ่นน้ำหอมปกติจะแบ่งเป็น 3 ชั้น
- Top Note คือกลิ่นแรกที่เราจะได้กลิ่นทันทีหลังจากฉีด เป็นกลิ่นที่ระเหยเร็วและอยู่กับเราประมาณ 10–15 นาที ส่วนใหญ่มักจะเป็นกลิ่นสดชื่น ๆ อย่างกลิ่นพวกผลไม้ หรือสมุนไพรค่ะ
- Middle Note คือกลิ่นหลักของน้ำหอมที่จะตามมาหลังจาก Top Note จางลง เป็นกลิ่นที่อยู่ได้นานขึ้น ส่วนใหญ่เค้าจะใช้เป็นกลิ่นแนวดอกไม้ หรือกลิ่นสดชื่นแบบธรรมชาติ
- Base Note คือกลิ่นสุดท้ายที่จะค่อย ๆ เผยออกมา และอยู่กับเรานานไปทั้งวัน กลิ่นกลุ่มนี้มักเป็นแนวอุ่นๆ อย่างกลิ่นควัน กลิ่นไม้ หรือพวกกลิ่นวานิลลา
ซึ่งเมื่อฟังทฤษฎีกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มลงมือปฏิบัติ โดยเค้าจะมีอุปกรณ์ให้เราดังนี้ค่ะ
- ผงกาแฟ (ไว้ดมเพื่อรีเซ็ตประสาทรับกลิ่นทำให้สามารถแยกแยะกลิ่นน้ำหอมต่างๆ ได้ดีขึ้น)
- หัวน้ำหอมแบบต่างๆ
- บีกเกอร์สำหรับผสมหัวน้ำหอม
- ช้อนสำหรับคน
- แถบกระดาษทดสอบกลิ่น
- แท่งหยดกลิ่น
- แอลกอฮอล์ในขวดสเปรย์
- กระดาษ
- ดินสอ
ขั้นแรก ให้เราทดลองเลือกกลิ่นที่ชอบทีละกลิ่น เริ่มจาก Top Note ที่เป็นกลิ่นแรกที่เราจะได้กลิ่นทันทีเมื่อฉีด ตามด้วย Middle Note กลิ่นหัวใจของน้ำหอม และสุดท้าย Base Note ที่เป็นกลิ่นติดทนที่สุด ซึ่งในแต่ละเลเยอร์เราสามารถเลือกใช้กลิ่นได้มากกว่า 1 กลิ่นตามสัดส่วนที่คำนวณไว้ เพื่อให้ได้กลิ่นที่เราพอใจ ทั้งหมดนี้เราจะค่อย ๆ ผสมกลิ่นเข้าด้วยกันจนกลายเป็นน้ำหอมกลิ่นเฉพาะตัวของเราเอง ซึ่งบอกเลยว่าแต่ละขั้นตอนเพลินมาก เราได้ดมกลิ่นหลายแบบ เล่นกับการปรับสัดส่วนกลิ่นจนรู้สึกว่านี่แหละ คือกลิ่นที่ใช่สำหรับเรา
โดยวิทยากรแนะนำวิธีการทดสอบโครงสร้างน้ำหอมที่เราวางไว้ใช้ได้หรือยัง โดยให้นำแถบกระดาษทดสอบกลิ่นแต่ละกลิ่นมาเรียงลำดับกันตั้งแต่ Top Note ตามด้วย Middle Note และจบที่ Base Note ค่อยๆ ดมกลิ่นทีละช่วง เพื่อสังเกตและเปรียบเทียบความแตกต่างค่ะ
ซึ่งเมื่อได้กลิ่นที่ถูกใจแล้ว ก็ผสมหัวน้ำหอมทั้งหมด ลงในขวดสเปรย์แอลกอฮอล์ที่เค้าเตรียมไว้ให้ได้เลยเป็นอันเรียบร้อย แต่น้ำหอมของเราจะยังใช้ฉีดเลยไม่ได้ค่ะ วิยากรบอกว่าต้องรอสักประมาณ 3 วันให้กลิ่นน้ำหอมเซตตัวถึงจะนำออกมาฉีดได้ และน้ำหอมขวดนี้ของเราที่มีขวดเดียวในโลก เราตั้งชื่อว่า Velvet Bloom สื่อความหมายถึง ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน สะท้อนความงามที่ค่อย ๆ เผยออกอย่างนุ่มนวลและลึกล้ำ กลิ่นจะยังคงเป็นแนวดอกไม้ สดใสแบบที่เราชอบ แต่จะมีกลิ่นที่ลุ่มลึกขึ้นอีกระดับ ^^
สิ่งที่ชอบมาก ๆ คือบรรยากาศของเวิร์คชอปที่เป็นกันเอง ไม่ต้องมีพื้นฐานอะไรก็ทำได้เลย วิทยากรและทีมงานของ True Space ก็คอยช่วยแนะนำ เปิดโอกาสให้เราได้ลองผิดลองถูกแบบไม่กดดัน เหมาะมากสำหรับคนที่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ หรืออยากทำของขวัญให้คนพิเศษในเทศกาลต่างๆ เพราะน้ำหอมที่เราทำนั้นมีแค่ขวดเดียวในโลกจริง ๆ เป็นของเราแบบ 100%
และนอกจากเวิร์คชอป Personal Perfume สร้างกลิ่นในแบบของตัวเอง ที่เราได้มาร่วมกิจกรรมวันนี้ ทาง True Space เค้ายังมีเวิร์คชอปและงานอีเวนต์เจ๋ง ๆ มาให้ลองอีกเพียบ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมสนุก ๆ จาก True Space ได้ที่ https://www.facebook.com/truespace.th
พิกัด :True Space สยามสแควร์ ซอย3 ชั้น 4 ถนนพระราม1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
#truespace #truespaceth #TrueSpace #PerfumeWorkshop #TrueIDCreator
ภาพปกและภาพทุกภาพ โดยผู้เขียน
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !