Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the pubnews domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /www/ts20250703/38.181.62.209/wp-includes/functions.php on line 6121

Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the pubnews-plus domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /www/ts20250703/38.181.62.209/wp-includes/functions.php on line 6121
KUBET – 8 ทริคลดความเครียดในที่ทำงาน เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย – KUBET

    KUBET – 8 ทริคลดความเครียดในที่ทำงาน เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย

    8 ทริคลดความเครียดในที่ทำงาน เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย

    8 ทริคลดความเครียดในที่ทำงาน เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย อ่านเลย!

    เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล

    ในโลกของการทำงานที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน ความเครียดกลายเป็นเงาตามตัวที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นจากปริมาณงานที่ท่วมท้น ความกดดันจากเป้าหมาย เวลาที่จำกัด หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า หลายครั้งเราอาจคิดว่าความเครียดเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอและปล่อยผ่านไป แต่ในความเป็นจริงแล้วหากปล่อยให้ความเครียดสะสมโดยไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้นนะคะ แต่ยังลามไปถึงร่างกายและจิตใจในระยะยาวได้อีกด้วย ทั้งอาการนอนไม่หลับ ปวดหัวเรื้อรัง ภาวะหมดไฟ ไปจนถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น

    ซึ่งการตระหนักรู้และให้ความสำคัญกับการจัดการความเครียดจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดเพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและยั่งยืนค่ะ ซึ่งการที่เราได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในการลดความเครียด จะเปรียบเสมือนเครื่องมือหลากหลายชนิดที่อยู่ในกล่องเครื่องมือของเรา  เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ความเครียดเริ่มคืบคลานเข้ามา เราก็จะมีทางเลือกที่จะหยิบจับเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ เพื่อผ่อนคลายและลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น

    แล้วเทคนิคต่างๆ ที่เราต้องทำมีอะไรบ้าง เราจะมารู้กันค่ะ เพื่อให้เราสามารถจัดการกับความรู้สึกด้านลบได้อย่างมีสติ มีประสิทธิภาพ และกลับมาโฟกัสกับงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง และเพื่อให้การทำงานของเราเป็นไปอย่างราบรื่น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่กันไปด้วย ซึ่งต่อไปนี้คือเทคนิคลดความเครียดค่ะ

    1. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน 

    การลดความเครียดในที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ และหนึ่งในวิธีที่ได้ผลอย่างน่าทึ่งเลยที่ผู้เขียนมีประสบการณ์มานั้น คือ การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละวันค่ะ ลองนึกภาพดูสิคะว่า ถ้าเราเริ่มต้นวันทำงานโดยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรให้เสร็จบ้าง หรืองานกองอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด ความรู้สึกท่วมท้นและความกังวลก็จะตามมาทันที

    แต่กลับกันถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการทำ To-do list ที่เป็นรูปธรรม หรือการแบ่งงานใหญ่ให้เป็นส่วนย่อยๆ ที่ทำได้จริงในแต่ละวัน เราจะรู้สึกเหมือนมีแผนที่นำทาง จึงทำให้เรารู้ว่ากำลังเดินไปในทิศทางไหน ควรจะโฟกัสอะไร และเมื่อทำสิ่งเล็กๆ สำเร็จไปทีละอย่าง ความมั่นใจก็จะเพิ่มขึ้นตามมา จึงช่วยลดความรู้สึกกดดันและทำให้เราผ่อนคลายกับการทำงานมากขึ้น เพราะเราไม่ได้แค่ทำงานไปวันๆ แต่เรากำลังสร้างความก้าวหน้าทีละก้าวตามเป้าหมายที่เราวางไว้ค่ะ

    2. จัดระเบียบโต๊ะทำงาน 

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเครียดในที่ทำงาน เป็นเหมือนเงาตามตัวของคนทำงานยุคนี้ แต่มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไปนั่นคือ การจัดระเบียบโต๊ะทำงานค่ะ ลองสังเกตตัวเองดูสิคะว่า เวลาที่โต๊ะทำงานเรารกไปด้วยเอกสาร แก้วกาแฟ หรือของจิปาถะสารพัด บางทีแค่เห็นก็รู้สึกหนักอึ้งในใจแล้วใช่ไหมคะ? ซึ่งรู้ไหมคะว่า ความรู้สึกวุ่นวายภายนอกเป็นสิ่งสะท้อนเข้ามาสู่ความวุ่นวายภายในจิตใจเราโดยไม่รู้ตัว พอทุกอย่างไม่เป็นระเบียบ เราก็จะรู้สึกเหมือนควบคุมอะไรไม่ได้เลย แถมยังเสียเวลาไปกับการหาของเล็กๆ น้อยๆ อีก

    แต่กลับกันเมื่อเราจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โล่ง โปร่งตา จะเหมือนได้จัดระเบียบความคิดไปด้วยในตัวเลยค่ะ ความรู้สึกปลอดโปร่งสบายตาก็จะส่งผลให้จิตใจเราผ่อนคลายลง ความตึงเครียดก็ลดลง เพราะอย่างน้อยที่สุด เราก็รู้สึกว่าได้ควบคุมพื้นที่เล็กๆ ของเราให้เป็นระเบียบได้ การมีสภาพแวดล้อมที่สะอาดและเป็นระเบียบ จึงเป็นเหมือนการเริ่มต้นที่ดีในการลดความเครียด และเพิ่มความสงบให้กับการทำงานในแต่ละวันของเราค่ะ

    โต๊ะทำงาน

    3. พักเบรกสั้นๆ 

    ในโลกของการทำงานที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดันในปัจจุบัน หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของการพักเบรกสั้นๆ ระหว่างวันไป เพราะคิดว่าเป็นการเสียเวลาและจะทำให้งานเสร็จช้าลง แต่ในความเป็นจริงแล้วการหยุดพักเพียงไม่กี่นาที เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด กลับมีประโยชน์มหาศาลต่อทั้งทั้งร่ายกายและจิตใจของเราค่ะ และดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเราเอง

    การเดินยืดเส้นยืดสาย จิบกาแฟสบายๆ หรือแม้แต่หลับตาพักสมองเพียงครู่เดียว ก็สามารถช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย กล้ามเนื้อที่เกร็งจากการนั่งหน้าจอนานๆ ได้คลายตัว และสมองได้มีโอกาสจัดระเบียบความคิดใหม่ๆ การพักเบรกสั้นๆ ไม่ใช่แค่การหยุดพักกาย แต่เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มพลังกายและใจ ให้เราพร้อมกลับไปลุยงานต่อได้อย่างมีสมาธิและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นลองเปลี่ยนความคิดและหันมาให้ความสำคัญกับการพักเบรกเล็กๆ น้อยๆ ดูนะคะ แล้วเราจะพบว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าเกินคาดจริงๆ

    4. ฟังเพลงสบายๆ 

    อรกหนึ่งในวิธีที่ง่ายแสนง่ายแต่ได้ผลดีเกินคาดที่หลายคนยังมองไม่ออกนั่นก็คือ การฟังเพลงสบายๆ ระหว่างวันค่ะ โดยหลายคนอาจมองว่าการเปิดเพลงในที่ทำงานเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้ว เสียงเพลงที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเพลงบรรเลง เพลงคลาสสิก หรือแม้แต่เพลงป๊อปจังหวะผ่อนคลาย สามารถช่วยปรับอารมณ์และลดความตึงเครียดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    เมื่อสมองของเราได้โฟกัสไปที่ท่วงทำนองที่รื่นหู ความคิดฟุ้งซ่านและความกังวลต่างๆ ก็จะลดน้อยลง ทำให้เรามีสมาธิกับงานที่อยู่ตรงหน้าได้ดีขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มพลังบวกและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการทำงานได้อีกด้วย ดังนั้นหากรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้า ลองหยิบหูฟังขึ้นมาเปิดเพลงโปรดสักเพลง แล้วเราจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งกับร่างกายและจิตใจค่ะ

    หูฟังสำหรับฟังเพลง

    5. ออกกำลังกายเบาๆ 

    ในยุคที่ชีวิตการทำงานผูกติดอยู่กับโต๊ะและหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ความเครียดและความเมื่อยล้าจึงเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ไม่ได้รับเชิญ แต่รู้ไหมคะว่าการจะสลัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไป ไม่จำเป็นต้องไปเข้ายิมหรือออกกำลังกายหนักๆ เสมอไป แค่ออกกำลังกายเบาๆ ระหว่างวันก็ช่วยได้เยอะแล้วค่ะ! ให้ลองลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เหยียดแขน เหยียดขา หรือเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลออกไปอีกนิด

    การขยับร่างกายเพียงไม่กี่นาที ไม่เพียงช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดได้ผ่อนคลาย แต่ยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินดีขึ้น ส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น และเราจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่งขึ้น พร้อมลุยงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นอย่ามองข้ามการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นะคะ เพราะคือการลงทุนเพื่อร่างกายและใจที่ดี เพื่อให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขและปราศจากความเครียดค่ะ

    6. นอนหลับให้เพียงพอ

    หนึ่งในสิ่งสำคัญและมักถูกละเลยไปก็คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ หลายคนคิดว่าการอดนอนเพื่อทำงานให้เสร็จคือความทุ่มเท แต่จริงๆ แล้วสิ่งนี้กลับส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อทั้งร่างกายและจิตใจ การนอนน้อยไม่ได้ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้นเลยค่ะ แต่กลับกันกลับจะทำให้สมองของเราล้า คิดอะไรไม่ค่อยออก หงุดหงิดง่าย สมาธิสั้นลง และยิ่งเพิ่มความเครียดสะสมเข้าไปอีก

    ลองคิดดูสิคะว่าถ้าตื่นมาด้วยความสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ร่างกายพร้อมทำงานแค่ไหน? เมื่อเรานอนเต็มอิ่ม ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง จิตใจก็ผ่อนคลาย สมองได้จัดระเบียบข้อมูล ทำให้เรามีพลังงานและสติปัญญาที่จะรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นอย่ามองข้ามการนอนหลับให้เพียงพอเลยนะคะ เพราะคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อตัวเราเองที่ดีและชีวิตการทำงานที่มีความสุขอย่างแท้จริงค่ะ

    คนกำลังนอนหลับ

    7. ฝึกหายใจลึกๆ 

    ในสถานการณ์ที่ความเครียดถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวในที่ทำงาน หลายคนอาจรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นแรงและสมองตื้อไปหมด แต่รู้ไหมคะว่ามีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราสงบลงได้ทันที นั่นคือการฝึกหายใจลึกๆ ค่ะ เพราะการหายใจที่เราทำกันอยู่ทุกวันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการหายใจตื้นๆ ซึ่งไม่ช่วยผ่อนคลายได้มากนัก แต่เมื่อเราตั้งใจหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องพองออก แล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ให้ท้องยุบลง

    ซึ่งการกระทำง่ายๆ แค่นี้จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งเป็นระบบที่รับผิดชอบการผ่อนคลายของร่างกาย จึงทำให้หัวใจเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง และสมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ความคิดที่ฟุ้งซ่านจะค่อยๆ สงบลง ความตึงเครียดลดน้อยลง และเราจะรู้สึกมีสมาธิกับงานได้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นลองใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในแต่ละวัน หายใจลึกๆ ช้าๆ อย่างมีสติ แล้วเราจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ทั้งกายและใจที่สงบลง ที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างใจเย็นค่ะ

    8. พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน 

    ในบางวันที่งานดูจะหนักเป็นพิเศษ ความเครียดที่สะสมอยู่ในใจ ก็อาจทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว แต่จริงๆ แล้ว การหาเวลาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานสักเล็กน้อย กลับเป็นเหมือนยาวิเศษที่ช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดีค่ะ ให้ลองหยุดพักจากการจ้องหน้าจอ แล้วหันไปทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ หรือแม้พูดถึงเรื่องงานเล็กๆ น้อยๆ กับคนข้างๆ ก็ถือเป็นการได้ระบายความในใจ หรือได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับคนที่เราไว้วางใจ แบบนี้จะช่วยให้เรารู้สึกว่าไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียว ทั้งยังอาจได้คำแนะนำดีๆ หรือแค่เสียงหัวเราะเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้บรรยากาศการทำงานผ่อนคลายลง

    ซึ่งการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานไม่เพียงแต่ช่วยระบายความอึดอัด แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีความสุขและรู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้นด้วย ดังนั้นอย่าเก็บความเครียดไว้คนเดียว แต่ให้ลองหันไปคุยกับเพื่อนร่วมงานดูนะคะ แล้วเราจะพบว่าพลังของการเชื่อมโยงกันนั้นช่วยเยียวยาจิตใจได้มากเลยทีเดียว

    ผู้หญิง

    และนั่นคือแนวทางทั้งหมดที่ควรรู้ค่ะ โดยในสถานการณ์จริงจะเห็นได้ว่า ความเครียดจากการทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่การที่เราได้เรียนรู้หลากหลายวิธีในการรับมือ ล้วนเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น แต่คำถามคือ เราจำเป็นต้องทำทุกอย่างพร้อมกันเลยไหม? คำตอบคือไม่จำเป็นเลยค่ะ แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ซึ่งสิ่งที่ช่วยให้คนหนึ่งผ่อนคลาย อาจไม่ได้ผลกับอีกคนก็ได้

    สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเอง ให้สังเกตว่าอะไรคือสิ่งกระตุ้นความเครียดของเรา และวิธีไหนที่ใช้ได้ผลจริงกับตัวเรามากที่สุด บางทีอาจเป็นแค่การลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย หรือการได้หายใจลึกๆ ไม่กี่ครั้ง ก็อาจเพียงพอที่จะดึงเรากลับมาจากภวังค์ของความเครียดได้แล้ว ซึ่งการเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ความชอบ และวิถีชีวิตของเรา คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราจัดการความเครียดได้อย่างยั่งยืน และไม่รู้สึกว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองค่ะ

    สำหรับสถานการณ์จริงเราสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการลงมือทำทีละน้อยค่ะ ไม่ต้องรอให้เครียดจนทนไม่ไหวแล้วค่อยหาทางออก แต่ลองจัดสรรเวลาเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันเพื่อดูแลตัวเอง เช่น ตั้งนาฬิกาเตือนให้พักเบรกสั้นๆ ทุก 2 ชั่วโมง เปิดเพลงเบาๆ คลอไประหว่างทำงาน หรือชวนเพื่อนร่วมงานไปเดินยืดเส้นยืดสายช่วงพักเที่ยง และที่สำคัญคือต้องรับฟังร่างกายตัวเอง หากรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ การนอนหลับให้เพียงพออาจสำคัญกว่าการออกกำลังกายในวันนั้น หรือหากรู้สึกอึดอัดใจ การได้คุยกับใครสักคนอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนั้นค่ะ

    แล้วถ้าทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ล่ะ ต้องทำยังไง? แม้จะไม่มีเพื่อนร่วมงานให้พูดคุยต่อหน้า แต่แนวทางอื่นๆ ก็ยังใช้ได้ผลนะคะ และเราสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทได้ง่ายๆ ค่ะ เช่น สร้างตารางเวลาที่ชัดเจน โดยกำหนดเวลาทำงาน เวลาพัก และเวลานอนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้งานกลืนกินชีวิตส่วนตัว มีการพักเบรกและเคลื่อนไหว อาจเป็นการลุกจากเก้าอี้ทุก 1-2 ชั่วโมง เดินไปห้องน้ำ ทำอาหารว่างง่ายๆ หรือเดินเล่นรอบบ้าน เพื่อยืดเส้นยืดสายก็ได้ ที่สำคัญคือการสร้างบรรยากาศ อาจเปิดเพลงสบายๆ คลอไประหว่างทำงาน จุดเทียนหอม หรือจัดโต๊ะทำงานให้น่ามอง เพื่อช่วยผ่อนคลายอารมณ์ค่ะ

    และถ้าเราต้องการเชื่อมต่อกับผู้อื่น ปัจจุบันการใช้ช่องทางออนไลน์คือแนวทางที่ดีหนึ่งอย่างค่ะ เช่น วิดีโอคอล หรือแชท เพื่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนสนิท เพื่อระบายความรู้สึกและไม่รู้สึกโดดเดี่ยวก็ได้นะคะ ที่อีกหนึ่งอย่างที่ต้องรู้ คือ การกำหนดขอบเขตการทำงานของตัวเองค่ะ โดยเมื่อเลิกงานแล้ว ให้พยายามปิดแจ้งเตือนงาน หรือหลีกเลี่ยงการเช็กอีเมล เพื่อให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พอจะมองเห็นภาพกันบ้างาไหมคะ? ซึ่งไม่ว่าเราจะทำงานที่ไหน สิ่งสำคัญคือการดูแลกายและใจของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพในระยะยาวค่ะ

    สำหรับผู้เขียนนั้นก็ได้นำแนวทางต่างๆ ในนี้มาใช้หลายข้อค่ะ สำหรับการฟังเพลงไม่ช่วยเลยค่ะ กลับรู้สึกรำคาญแทน ซึ่งสิ่งที่ทำตลอดเลยคือการพักเบรกช่วงสั้นๆ การออกกำลังกายเบาๆ ยึดเหยียดขา และการฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ค่ะ ที่ในทุกวันๆ ก็จะตั้งเป้าหมายสิ่งที่ต้องทำตลอดค่ะ ส่วนในเรื่องของการจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ ประเด็นนี้ผู้เขียนทำมาตลอดค่ะ ตั้งแต่เป็นนักเรียนพยาบาลแล้ว โดยมักจัดโต๊ะทำงานข้างเตียงโล่งตลอด อย่างอื่นพยายามตัดออกค่ะ ไม่มีตุ๊กตา ไม่มีขนมนมเนย

    และที่สำคัญคือทุกวันเคลียร์งานเคลียร์โต๊ะตลอด เป็นคนไม่รกค่ะ ชอบสะสางสิ่งที่ตัวเองต้องจัดการ มีขยะจัดการในทุกๆ วันค่ะ จะพูดว่าโต๊ะทำงานเป็นระเบียบตลอดก็ว่าได้ และในเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนและดูแลตัวเองนั้น ผู้เขียนพยายามจัดการเรื่องนี้ให้เป็นแบบแผนตลอดค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำเทคนิคต่างๆ ในนี้ไปใช้กันนะคะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ

    #ลดเครียดในที่ทำงาน #สุขภาพจิตดี #ดูแลตัวเอง #WorkplaceWellness

    ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความ


    เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูลภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล

    • จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
    • มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 

    บทความอื่นที่น่าสนใจ

    เด็กผู้หญิงกำลังนอนหลับ

    9 วิธีนอนหลับง่ายขึ้น แบบไม่ใช้ยา ลดปัญหาหลับยาก พักผ่อนได้

    ชาวต่างชาติ

    9 เทคนิคหาเพื่อนชาวต่างชาติคุย ฝึกภาษาอังกฤษ

    คนกำลังเดิน

    รีวิวออกกำลังกายด้วยการเดิน 10 นาที แบบง่ายๆ

     

    เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

    ใส่ความเห็น

    อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

    Back To Top