Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the pubnews domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /www/wwwroottha/38.181.62.209/wp-includes/functions.php on line 6121

Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the pubnews-plus domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /www/wwwroottha/38.181.62.209/wp-includes/functions.php on line 6121
KUBET – เคล็ดลับการดูแลตัวเอง เมื่อเป็นไข้หวัด แบบไม่ใช้ยารักษา – KUBET

    KUBET – เคล็ดลับการดูแลตัวเอง เมื่อเป็นไข้หวัด แบบไม่ใช้ยารักษา

    เคล็ดลับการดูแลตัวเอง เมื่อเป็นไข้หวัด แบบไม่ใช้ยารักษา

     

     

    เคล็ดลับการดูแลตัวเอง เมื่อเป็นไข้หวัด แบบไม่ใช้ยารักษา

     

    เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนหรือช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง หลายคนมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก ไอจาม และมีไข้ต่ำๆ ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณของ “ไข้หวัด” แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สร้างความไม่สบายตัวจนทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบากอยู่ไม่น้อย

     

    โดยทั่วไปแล้ว ไข้หวัดสามารถหายได้เองภายใน 5–7 วัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสมอไป หากเราใส่ใจดูแลร่างกายอย่างเหมาะสม ดังนั้นบทความนี้จะมาแนะนำ 10 เคล็ดลับการดูแลตัวเองแบบไม่พึ่งยา เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นแบบปลอดภัย และเป็นธรรมชาติที่สุด

    1. พักผ่อนให้เพียงพอ

    การนอนหลับคือหนึ่งในวิธีการรักษาที่ดีที่สุด เพราะในขณะที่เรานอน ร่างกายจะใช้โอกาสนี้ซ่อมแซมระบบต่างๆ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นไข้หวัด การพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7–9 ชั่วโมง จะช่วยให้ไข้ลดลง อาการไอหรือจามเบาลง และรู้สึกสดชื่นเร็วขึ้น

    หากนอนไม่หลับเพราะคัดจมูกหรือไอ ลองปรับท่านอนให้ศีรษะสูงกว่าลำตัว หรือใช้หมอนรองหลังช่วยพยุงให้นอนสบายขึ้น

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

     

    2. ดื่มน้ำให้มากขึ้น

    ในช่วงที่ไม่สบาย ร่างกายจะสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ เช่น จากเหงื่อเมื่อมีไข้ หรือน้ำมูก-เสมหะ การดื่มน้ำเปล่าอุ่นๆ ตลอดทั้งวันจะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ช่วยละลายเสมหะ และลดการระคายคอได้ดี

    ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็น ชาเย็น หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและอาการแย่ลงได้

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

    3. เลือกกินอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์

    เมื่อเป็นไข้หวัด ระบบย่อยอาหารจะทำงานช้าลง เราจึงควรเลือกกินอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปไก่ หรือกล้วยต้ม ซึ่งย่อยง่าย ให้พลังงาน และยังอุดมไปด้วยวิตามินจากธรรมชาติ

    หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด หวานจัด หรือเผ็ดจัด เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบหรือทำให้ระคายคอมากขึ้น

    หากไม่ค่อยอยากอาหาร ลองแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายมื้อแทนการกินหนักทีเดียวก็ช่วยได้

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

    4. จิบเครื่องดื่มอุ่นที่ช่วยบำรุง

    เครื่องดื่มอุ่นๆ เช่น น้ำขิง ชาคาโมมายล์ น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง หรือชาสมุนไพรไทย เช่น ใบเตย ตะไคร้ หรือฟ้าทะลายโจร (แบบไม่เข้มข้นเกินไป) สามารถช่วยลดอาการเจ็บคอ บรรเทาเสมหะ และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

    หลีกเลี่ยงกาแฟ ชานม หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงhttps://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

     

    5. อบไอน้ำช่วยให้หายใจโล่ง

    หากมีอาการคัดจมูกหรือแน่นหน้าอก ลองอบไอน้ำง่ายๆ ที่บ้านโดยต้มน้ำร้อนใส่ชาม เติมใบมะกรูด ขิง หรือยูคาลิปตัส จากนั้นใช้ผ้าคลุมศีรษะและก้มหน้าสูดไออุ่นเบาๆ จะช่วยให้จมูกโล่ง เสมหะลด และช่วยให้หลับสบายขึ้น

    ควรทำวันละ 1–2 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนนอน

     

    6. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ

    หากมีอาการเจ็บคอหรือเสียงแหบ การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ (ผสมเกลือครึ่งช้อนชากับน้ำอุ่น 1 แก้ว) วันละ 2–3 ครั้ง จะช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก ลดการอักเสบ และบรรเทาอาการระคายคอได้ดี

    กลั้วเสร็จแล้วให้บ้วนทิ้ง หลีกเลี่ยงการกลืนเพื่อป้องกันโซเดียมส่วนเกิน

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

    7. ออกกำลังกายเบาๆ หากรู้สึกพอไหว

    แม้จะเป็นหวัด แต่การขยับร่างกายเล็กน้อย เช่น เดินช้าๆ ยืดเส้น หรือทำโยคะเบาๆ ก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงาน และลดความเครียดจากอาการป่วยได้

     

    แต่ถ้าไข้ยังสูงหรือร่างกายอ่อนเพลียมาก ควรงดการออกกำลังกายไปก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

    8. อยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทดี

    การเปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ หรือใช้พัดลมหมุนเวียนอากาศในห้อง จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค และทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น

    ควรหลีกเลี่ยงห้องแอร์เย็นจัด หรืออยู่ในห้องอับชื้น เพราะจะกระตุ้นอาการคัดจมูกและทำให้เชื้อไวรัสอยู่นานขึ้น

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

    9. ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเมื่อตัวร้อน

    ถ้าไม่อยากกินยาลดไข้ แต่มีอาการไข้สูง ควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุณหภูมิห้อง บิดพอหมาด แล้วเช็ดตัวให้ทั่ว โดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อช่วยระบายความร้อน

    หากไข้ยังไม่ลดภายใน 1-2 วัน หรือมีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเป็นเวลานาน ควรพิจารณาพบแพทย์https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

     

    10. ฟังเสียงร่างกายของตัวเอง

    เมื่อร่างกายส่งสัญญาณให้รู้ว่า “ไม่ไหว” อย่าฝืน! เพราะการฝืนทำงาน พักผ่อนไม่พอ หรือกินอาหารไม่ครบ อาจทำให้อาการเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น หูอักเสบ ไซนัส หรือหลอดลมอักเสบ

    ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 3–5 วัน มีไข้สูง ไอแห้งเรื้อรัง หรือหายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูว่าต้องใช้ยาหรือไม่

    https://www.canva.com/design/DAGn-364m_4/tZoDqilUr3MZcCVTO49Qow/view?utm_content=DAGn-364m_4&utm_campaign=share_your_design&utm_medium=link2&utm_source=shareyourdesignpanel

    สรุป: หายหวัดได้…โดยไม่ต้องพึ่งยา

     

    แม้ยาแก้หวัดจะช่วยบรรเทาอาการได้เร็ว แต่หลายครั้ง “วิธีธรรมชาติ” กลับช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยกว่า การดูแลตัวเองที่บ้านด้วยการพักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ เลือกอาหารที่ดี และใช้เทคนิคพื้นบ้านง่ายๆ ก็เพียงพอสำหรับการต่อสู้กับไข้หวัดในระดับเบา

     

    สิ่งสำคัญคือ ให้เวลากับร่างกาย และ เอาใจใส่ตัวเอง อย่างต่อเนื่อง

    หวังว่าเคล็ดลับทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณหายหวัดได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยา และมีสุขภาพแข็งแรงยิ่งกว่าเดิมนะคะ

    ขอขอบคุณภาพหน้าปก จาก  นักเขียน 

    ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมด จาก นักเขียน

     

    เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

    ใส่ความเห็น

    อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

    Back To Top